5 x 5 เทคนิคจัดการริ้วรอยใต้ตาอย่างได้ผล

 

 

ริ้วรอยใต้ตา ปัญหาใหญ่ของผู้หญิงทุกคน หรือถ้าจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่านี่คือปัญหาสำคัญที่ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย ต่างก็ไม่ปรารถนา อย่างที่รู้กันว่า ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ดังนั้นไม่ว่าผิวพรรณจะสดใสเปล่งปลั่งผิวหน้าดูเด็กกว่าวัยแค่ไหน แต่ถ้าหากมีปัญหาริ้วรอยใต้ตา หรือดวงตาหมองคล้ำ ช้ำไม่สดใส ก็จะส่งผลให้เราดูแก่ก่อนวัยได้อยู่ดี ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชาย จึงหันมาใส่ใจกับการดูแลรอบดวงตามากยิ่งขึ้น ประเด็นสำคัญก็คือ ไม่ว่าจะทำด้วยวิธีการใด ส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่เห็นผล หลายคนจนถอดใจไปกลางคันทิ้งให้ปัญหานี้เหลือรังอยู่แบบนั้น แต่วันนี้เราจะไม่ปล่อยให้ปัญหาที่ว่านี้กลายเป็นเรื่องของยถากรรมอีกต่อไป เพราะเรามีเทคนิคดีๆในการจัดการริ้วรอยที่เกิดขึ้นบริเวณรอบดวงตามาฝากกัน มี เทคนิคใดบ้างที่เราต้องรู้ก่อนสายเกินแก้ไปดูพร้อมกันเลย   5 เทคนิคจัดการริ้วรอยบริเวณใต้ตาด้วยวิธีธรรมชาติ

  • ปลอบประโลมผิว ด้วยครีมหรือโลชั่น บำรุงรอบดวงตา

อย่างที่รู้กันดีว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้รอบดวงตาเกิดปัญหาริ้วรอยใต้ตา เนื่องมาจากผิวบริเวณนั้นขาดความชุ่มชื้น และที่สำคัญ ตามโครงสร้างของสภาพผิวผิวบริเวณรอบดวงตายังเป็นพื้นที่ที่มีปริมาณไขมันต่ำที่สุดจึงทำให้รอบดวงตาแห้งง่ายกว่าบริเวณอื่นๆ การปลอบประโลมผิวด้วยการใช้ครีมหรือโลชั่นบำรุงรอบดวงตาจึงมีความสำคัญมากในการเพิ่มความชุ่มชื้น หากเป็นโลชั่นที่มีส่วนผสมของการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนก็จะยิ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพทำให้ริ้วรอยดูลดเลือนลง

  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำให้ตาช้ำ

แน่นอนว่านอกจากการขาดความชุ่มชื้นแล้ว สิ่งสำคัญที่ทำให้รอบดวงตาของเราช้ำหรือเกิดริ้วรอยได้ง่ายก็คือพฤติกรรมของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นการนอนน้อยพักผ่อนไม่เพียงพอ การไม่ พักผ่อนสายตาโดยการจ้องมือถือหรืออยู่กับคอมพิวเตอร์นานๆ การทำร้ายบริเวณรอบดวงตาโดยการขยี้ตาบ่อยๆ ต่างๆเหล่านี้ล้วนแต่เป็น สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตาได้ง่าย ดังนั้นเมื่อต้องสัมผัสบริเวณรอบดวงตาควรจะเบามือทั้งการเช็ดเครื่องสำอางรวมไปถึงหลีกเลี่ยงการขยี้ตา และพักสายตาจากคอมพิวเตอร์รวมไปถึงมือถือ ใช้อุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เมื่อต้องออกไปในที่แดดจัดเป็นต้น

  • สูตรธรรมชาติจากใบบัวบก

ใบบัวบกคือตัวแทนของพืชสมุนไพรที่มีความสามารถในการช่วยลดอาการบวมช้ำ จะมีการนำใบบัวบกมาใช้ในทางการแก้อาการมากมายรวมไปถึงการแก้ไขปัญหาการบวมช้ำบริเวณใต้ตา โดยให้เรานำใบบัวบกสดมาปั่นหรือตั้มแล้วกรองเอาเฉพาะน้ำ จากนั้นใช้สำลีแผ่นชุบน้ำใบบัวบกมาพอกหรือทาทั่วใบหน้ารวมถึงใต้ตาทิ้งไว้ประมาณ 15 ถึง 20 นาทีจากนั้นแล้วจึงล้างออก ทำแบบนี้เป็นประจำทุกวันก่อนนอนก็จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีลาสตินและลดอาการช้ำใต้ตาได้

  • สูตรธรรมชาติจากแตงกวา

วิธีพื้นฐานที่เรามักจะใช้จัดการกับปัญหาริ้วรอยใต้ตา ก็คือการใช้แตงกวาฝานเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วนำมาแปะบริเวณเปลือกตาทิ้งไว้ 15 หรือ 20 นาที ทำอย่างน้อยเดือนละ 3 ครั้งจะช่วยให้ผิวพรรณรอบดวงตาชุ่มชื้นขึ้นริ้วรอยเหี่ยวย่นแลดูจางลง

  • ทายา

สำหรับใครที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตา ไม่รุนแรงมาก สามารถใช้ยาในกลุ่มวิตามินซีและวิตามินเอ โดยนำมาใช้ทาเบาๆที่บริเวณรอบดวงตาโดยเริ่มจากหัวตาไปหางตาทั้งตาล่างและเปลือกตาบน แต่มีข้อแม้ว่าการรักษาด้วยการทายาเราจะต้องใจเย็น เพราะเป็นวิธีการที่จะทำให้เห็นผลอย่างชัดๆแบบค่อยเป็นค่อยไป   5 วิธีการแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา โดยแพทย์

  • โบท็อก

วิธีการจัดการกับสารพันปัญหาบนใบหน้าที่เราคุ้นเคยกันดี และมันยังสามารถรักษาริ้วรอยใต้ตา กรณีที่เป็นปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ รวมไปถึงปัญหาตีนกาที่เห็นผลได้อย่างชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์ เพราะคุณสมบัติที่สำคัญของโบท็อกก็คือการทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเข้าไปคลายตัวชั่วคราว จึงทำให้ริ้วรอยบริเวณนั้นลดลง ใครที่ใช้สารพัดครีมทารอบดวงตาแล้วไม่ได้ผล แนะนำว่าใช้วิธีการโบท็อกเข้ามาช่วยจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนแน่นอน

  • ฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์จะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา เหมาะมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาเยอะ แต่มีปัญหาร่องใต้ตาไม่ลึกและไม่กว้างมาก สามารถใช้วิธีการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มใต้ตานั้นให้ดูตื้นขึ้นและจะช่วยลดเลือนริ้วรอยย่นใต้ดวงตาได้ ที่สำคัญการฉีดฟิลเลอร์ยังไม่เป็นอันตรายเนื่องจากจะสลายไปเองได้ตามธรรมชาติและต้องทำการฉีดซ้ำทุก ๆ 6-8 เดือน

  • ฉีดไขมันใต้ตา

ใครที่ผ่านการโบท็อกแล้วเอาไม่อยู่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยใต้ตาอย่างที่คิด แนะนำว่าให้ หันมาใช้วิธีการฉีดไขมันใต้ตาช่วย โดยที่เราสามารถใช้ไขมันตัวเองที่อยู่บริเวณหน้าท้องต้นแขนหรือต้นขา เพื่อให้เซลล์ไขมันไปสัมผัสกับเนื้อเยื่อภายในได้มากที่สุด ผิวพรรณบริเวณรอบดวงตาจึงเรียบเนียนกระชับและเต่งตึงเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญไม่มีอาการแพ้หรือระคายเคืองเนื่องจากเป็นไขมันของตัวเองวิธีการนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาร่องใต้ตาลึกและกว้าง

  • เลเซอร์ใต้ตา

เป็นวิธีการซ่อมแซมและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยที่เราอาจจะสามารถใช้เลเซอร์ในกลุ่ม Laser resurfacing ไม่ว่าจะเป็น Co2 Laser, Erbium Laser, YSGG Laser เลเซอร์ต่างๆเหล่านี้มีคุณสมบัติในการช่วยลดรอยย่นที่ลงลึก ค่อยๆให้เห็นผลว่าจางลง แต่ในกรณี ที่มีปัญหาริ้วรอยร่องใต้ตาลึกมาก แนะนำให้ใช้วิธีการฉีดฟิลเลอร์หรือฉีดไขมันใต้ตาจะเห็นผลได้ดีกว่า สำหรับการทำเลเซอร์ใต้ตาจะเห็นผลค่อนข้างช้าประมาณ 2-3 เดือน

  • คลื่นวิทยุ RF

การรักษาริ้วรอยใต้ตาด้วยคลื่นวิทยุ RF สามารถทำร่วมกับการเลเซอร์หรือ Botox ได้ ที่สำคัญยังเป็นวิธีการที่ช่วยรักษาริ้วรอยเล็กๆผิวหนังหย่อนคล้อยไม่กระชับบนบริเวณใบหน้ารวมไปถึงริ้วรอยรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี การเพิ่มอุณหภูมิของวิธีการใช้คลื่นวิทยุแบบนี้จะทำให้เกิดการกระตุ้นที่ชั้นหนังแท้ซึ่งมีคอลลาเจนอยู่ทำให้คอลลาเจนมีความกระชับและยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ในระยะยาว ผู้ที่ใช้วิธีการนี้จึงค่อนข้างที่จะ มีโอกาสเป็นเจ้าของรอบดวงตาเต่งตึงกระชับไร้ริ้วรอยได้นานกว่าวิธีการอื่นๆ แต่อาจจะต้องใช้วิธีการรักษาตั้งแต่ 4-6 ครั้งขึ้นไปจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ยาวนาน   

 

 

ฉีดโบท็อกซ์ ขอนแก่น , ฉีดฟีลเลอร์ ขอนแก่น , ฉีดฟิลเลอร์คาง , คลินิก ขอนแก่น , ผิวขาว ขอนแก่น

ฉีดโบท็อกซ์ อุดร  ,  ฉีดฟีลเลอร์ อุดร    ,  คลินิก อุดร  ,  เสริมจมูก อุดร

วันดี คลินิก ขอนแก่น (wandee clinic ) คลินิกความงาม ที่ได้มาตรฐาน มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษา และแก้ปัญหาที่คุณต้องการ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ : วันดี คลินิก  344/17 ซอยรื่นรมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง ขอนแก่น 40000

โทร : 097-935-5556 Line : @wandeeclinic เว็บไซต์ :  www.wandeeclinic.com